อยากให้เป็นเช่นวันวาน
ตอนที่ 9
 “ใคร”  ในความทรงจำ 


  

    ปี 2499  พ่อฉันได้ย้ายมารับราชการที่ อ.พะเยาจ.เชียงราย
ฉันได้ย้ายจากเชียงรายวิทยาคม
มาเข้าเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านในเวียง
ซึ่งเรียกติดปากกันว่า โรงเรียนหลวง ปัจจุบันคือ
โรงเรียนเทศบาล 1 (พะเยาประชานุกูล) ครูประชั้น
ซึ่งสอนหมดทุกวิชา คือคุณครูจินตนา (คุณครูเศรษฐ)
ฉันเป็นนักเรียนใหม่ชั้น ป.3 คนเดียว

พวกผู้ชายชอบมาแกล้งฉัน  ในบรรดาพวกที่มาแกล้งก็มี
ด.ช.ประพฤติ   แซ่หว่อง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็น
จารุเศรนีย์ชื่อเล่นว่า“บ่ายุ่ง”
ขณะนี้เป็นศิษย์เก่า ว.ค.เชียงใหม่ รุ่น 2510
ซนมากชอบมาเป่าผมด้านหลังของฉัน  ฉันรำคาญ 
“บ่ายุ่ง” มาก  ในชั้น ป.3 นี้ก็มีเพื่อนชื่อ สุพิน  ผลทอง
บ้านอยู่ติดรั้วโรงเรียนตัวเล็ก ๆ ตากลมโต
น่ารักมากก็มาไล่ “บ่ายุ่ง" ทุกครั้งที่มันมาเป่าผมฉัน

 




พอขึ้นป.4  ฉันกับสุพินได้รู้จักกับเพื่อน
ชื่อกรองจิต  เจริญในเมือง (อิ๊ด)  อิ๊ด
บอกว่าบ้านอยู่ข้างวัดหลวงใน (วัดหลวงราชสัณฐาน)
อิ๊ดเป็นคนสวย ผิวขาว
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีอะไรก็แบ่งปันฉันเสมอ  พอจบ ป.4
ฉัน  สุพิน  และอิ๊ดก็ได้เข้าเรียนชั้น ม.1
โรงเรียนสตรีพะเยา เรียนอยู่ห้องเดียวกันมาโดยตลอด
จนจบ ม.
ศ.3



ฉันไปเรียน ม.ศ.4 โรงเรียนบูรณ์ศักดิ์   อิ๊ดจบ ม.ศ.3
ก็แต่งงานกับพี่อู๊ด เจ้าของโรงสีที่แปดริ้ว  
ส่วนสุพินไปเรียนครู  เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
(ยังไม่มีมือถือและเฟสบุ๊ค) จนกระทั่งลูกสาวอิ๊ดแต่งงาน
ฉันก็เดินทางจากพะเยาไปงานแต่งงานลูกสาวอิ๊ดชื่อจารุวรรณ
ตอนนี้ทำงานที่ กบข. สำนักงานใหญ่ กทม. ฉันเจอสุพิน
อีกครั้งเราโผเข้ากอดกันดีใจมาก 
สุพินให้เบอร์โทรฉันด้วยบอกว่ามา กทม. เมื่อไหร่ ก็โทรหานะ
อิ๊ดจัดงานบริเวณสนามหน้าโรงสีนั่นแหละ
พองานเลิกอิ๊ดก็พาพวกเราชมบ้าน ซึ่งอยู่ริมฝั่งบางปะกง
ฉันประทับใจในไมตรีของอิ๊ดไม่เคยลืม
แม้อิ๊ดจะร่ำรวยมากมายเพียงใด อิ๊ด
ไม่เคยลืมเพื่อน  อิ๊ดอยู่ในใจฉันเสมอมา   

สวนฉันก็สอนภาษาไทยที่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม  ปี 2537
ได้รับยกย่องเป็นครูภาษาไทยดีเด่น ของกระทรวงศึกษาธิการ
ฉันต้องเดินทางเข้ารับโล่ที่คุรุสภา เข้า กทม.คนเดียว
อาจารย์มณฑล ยอดปัญญา บอกว่า พอถึงท่ารถหมอชิต (เก่า)
ก็ให้ขึ้นรถสาย 28   นี่แหละฉันจำไม่ได้ละ
ฉันก็ถามว่าแน่ใจนะ
แกก็แยกเขี้ยวเคาะฟันให้ดู  “นี่ ๆๆ เด็กเทพ ๆ"
อวดว่าเรียนจบโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร
แล้วสอนที่โรงเรียนสตรีพร้อมพรรณ ดินแดง มานานหลายปี
พอไปถึงหมอชิตให้เดินออกไปขึ้นรถข้างนอก



เมื่อรถไปถึง เป็นเวลาเช้ามืดมาก
เอาวะใจดีสู้เสือเพื่อโล่ครูภาษาไทยดีเด่น
รถมาพอดีบ้านนอกเข้ากรุงก็ได้ขึ้นรถเมล์ เก้ๆ กัง ๆ
หิ้วกระเป๋าใบนึงคนเต็มรถไม่มีที่นั่ง
ขึ้นไปยังไม่ทันยืนดีๆ  เลย
รถก็กระชากออกไปอย่างไม่แยแสกับครูภาษาไทยดีเด่นของฉัน 
ฉันล้มลงไปที่เขาเรียกว่าล้มทั้งยืน ใช่เลย !!
ผู้โดยสารที่ยืนเกาะราวรถอยู่ 2 ข้าง
ต่างให้เกียรติครูภาษาไทยดีเด่นเยี่ยงฉันมาก ๆ
พร้อมใจกันเบี่ยงตัวหลบให้ฉันล้มลงตามทางยาวของรถ
พอลุกขึ้นได้กระปี๋ก็มาเก็บตังค์  “ลงคุรุสภา"
"เพ่ ๆ รถนี่สายใต้ไปเอกมัย”
เอกมัย โทกะมัย ตูไม่สนแล้วตูจะลง  ลงไปไหน มืดก็มืด
แข็งใจยืนริมฟุตบาต ตายละมีเด็กหนุ่ม 2 คนเดินมา
โอ้ตูต้องโดนข่มขืนแน่ ๆ  เอาวะดับเครื่องชน 
พอมันเดินใกล้เข้ามา
"น้องๆรถเมล์ไปกระทรวงศึกษาสายอะไรคะ”
"คุณน้าขึ้นรถ สาย 57  นะครับ”
นั่นไงมาแล้ว  (โธ่เอ๊ยยนึกว่าจะถูกข่มขืน
แถมยังเรียกตูว่าน้าอีก (เซ็งเป็ด)
พอรถมาถึงก็เห็นข้างรถเป็นกระทรวงศึกษาจริง ๆ
หันไปจะขอบคุณ หายไปละ (คนหรือผีวะเนี่ย)


พอไปถึงคุรุสภา “เต็มครับ” “เหลือซักห้องมั้ยมาไกลนะ”
"ไกลเหมือน ๆกันแหละครับ” แล้วมันก็ฟุบหน้าหลับต่อไป
(สงสัยเมื่อคืนเมียไม่ให้นอนด้วย)
ฉันก็เรียกมันตื่นขึ้นมาถามว่าแถวนี้มีที่พักไหนอีก
“โรงแรมนครพิงค์ ออกประตูด้านหลังนั่งซูบารุไป 50 บาท
ตอนนั้นฟ้าเริ่มสว่างละฉันก็เดินตามที่มันชี้ให้ไป
ไปถึงโรงแรมอ้าวอู้กำเมืองด้วย ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง 
จัดเสื้อผ้าแขวนตู้ อาบน้ำหลับ 
ตื่นมาเกือบเที่ยงนึกถึงสุพิน
ก็โทรหา  สุพินรับสาย แล้วบอกว่าอย่าออกห้องไปไหน หิวก็ทนเอา
บ้านสุพินอยู่คลองเตย สุพินขับรถมาถึงโรงแรมนครพิงค์ 
ภายในไม่ถึง 2 ชั่วโมง มาถึงก็รีบเก็บเสื้อผ้าในตู้ใส่กระเป๋า
“ไป ๆไผสั่งไผสอนหื้อมาพักโรงแรมจาอี้ หู้ก่อว่าเป๋นโรงแรมอะหยัง"
แล้วก็พาไปพักที่บ้านคลองเตย ดูแลเอาใจใส่อย่างดี
ทอดปลาส้มโรยหอมซอยอร่อยไม่รู้ลืม

รุ่งขึ้นขับรถไปส่งที่หอประชุมคุรุสภา แล้วสุพินก็ไปธุระ
คนอื่นที่เขารับโล่เขามีญาติพี่น้องไปถ่ายรูปกันมากมาย
ส่วนฉันช่างมันเถอะไม่มีรูปแต่ฉันก็มีโล่ ไม่เห็นเป็นไรเลย
เดินลงมาที่นั่งอ้าว ?? สุพินเย้ๆๆ ฉันมีเพื่อนแล้ว
ไม่เหงาแล้วสุพินบอกมารอปรบมือให้ฉันขณะรับโล่
แล้วพาฉันกลับไปบ้านคลองเตย ให้ฉันอยู่ต่ออีก 1 วัน 
บอกว่าลูกสาว (เอาลูกของน้องชายมาเป็นลูกบญธรรม)
ชื่อน้องบี  จันจิรา  ผลทอง
(แพรพลอย ทัยคุปต์ ตอนหลังได้เป็นดารานักแสดง)
ได้เป็นพิธีกรที่เอแบคที่น้องบีเรียนอยู่
จากนั้นสุพิน ผลทองก็ไปส่งฉันที่ขนส่งหมดชิต 
ความมีน้ำใจของอิ๊ดและสุพิน ตอนหลังสุพินเปลี่ยนชื่อเป็น
มัชมน   อยู่ในใจฉันเสมอมา และใครจะไปรู้ว่า
เมื่อเรา 3 คน อายุ  64 
เราจะได้พักและท่องเที่ยวด้วยกันที่ซิดนีย์
เป็นเวลา 22 วัน