6 – 8 มีนาคม 2560 ทัวร์น้ำหมากจันท์ ตอนที่ 1 จาก กทม.สู่จันทบุรี ในวันที่ใจและกายเริ่มรู้สึกเหนื่อย น่าจะลองพาตัวเองออกจากที่เดิม ๆ หลบความวุ่นวายในเมืองหลวงไปหา ที่มีธรรมชาติอยู่รอบตัว ชีวิตจะถูกชะลอความเร่งรีบลง ฉันจึงสืบค้นหาแหล่งท่องเที่ยว ที่ไม่ไกลนัก ในที่สุด จันทบุรีคือที่หมาย ฉันจึงได้ชักชวนเพื่อน ๆ ในไลน์กลุ่ม ณ บางกอก ไปเที่ยวจันทบุรี เห็นว่าเป็นเมืองสงบน่าไปพักผ่อน อีกอย่างเรามีเพื่อนร่วมรุ่น วค.เชียงใหม่ อยู่จันทบุรีชื่อ ศุภวัฒน์ เอมโอช จะมาเป็นไกด์ให้ ทุกคนก็ดีใจมาก ๆ เพราะมีเจ้าถิ่น นำเที่ยวไม่ต้องกลัวหลง |
|
ฉันจึงได้จัดทำโปรแกรมชื่อ ทัวร์น้ำหมากจันท์ ส่งให้ศุภวัฒน์ดู ทุกอย่างลงตัว แล้วทุกคนจะรอ อะไรอีกล่ะต่างเก็บเสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋า พร้อมลุย 6 มี.ค. 60 จาวหมู่ วค. เชียงใหม่ รุ่น 2510 ใน กทม.พร้อมสัมภาระ จังหวะพอดีที่เพื่อน เชียงใหม่ + เชียงราย + ลำพูน ที่มีบ้านลูก ๆ อยู่ กทม. มาหาลูก จึงชวนกันไป ทริปนี้ รวม 11 คน 1 รถตู้ .....5.30 น. รถตู้สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ฮพ 6428 พขร. ชื่อ คุณสมพงษ์ รับ ศรินยา อารีย์ (เชียงราย) และอรทัย ที่บางใหญ่ นนทบุรี |
|
จากนั้นก็มารับกาญจนา |
|
คุณสมพงษ์แกก็เลยสร้างสมาธิ ด้วยตนเองโดยขับแค่ 60/ชั่วโมง ในเวลา 07.40 น. ก็ถึงร้านฟ้าใส ทางมอเตอร์เวย์ เพื่อเบ๊กฟาดกัน ร้านอาหารแถวนี้ส่วนใหญ่ จะขายเหมือนกันหมดแทบทุกร้าน คือพวก ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยวหมู เป็ด ไก่ และเนื้อ ข้าวขาหมู เกาเหลาเลือดหมู ข้าวหน้าเป็ด ร้านฟ้าใส ก็เช่นกันขายอาหาร จำพวกที่กล่าวไปแล้ว แต่ร้านนี้ต้องบอกว่า.. กินเพื่ออยู่นะ อย่าโหยหาความอร่อย จากนั้นก็เดินทาง ไม่ถึง 11.00 น. ก็ถึง ม.ราชภัฏรำไพพรรณี ฯ โดยมีศุภวัฒน์ รออยู่เป็นไกด์นำเที่ยว ในฐานะเจ้าถิ่น เป็นที่ประทับใจมาก ๆ กับการต้อนรับด้วยไมตรีอันดียิ่ง ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ |
|
ศุภวัฒน์ เอมโอช ศิษย์เก่า |
|
เพราะระยะทางใกล้กว่าและสามารถ เสด็จพระราชดำเนินเข้ากรุงเทพฯ ได้ภายในวันเดียว จึงโปรดเกล้าฯ ให้พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ เลขาธิการสำนักพระราชวัง เสาะหาที่ดินในจังหวัดจันทบุรีและ ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จ พระราชดำเนินไป ทอดพระเนตรที่ดิน ซึ่งในระยะนั้นเส้นทางคมนาคม ยังไม่สะดวกต้องเสด็จฯไปตามถนน ที่ยังไม่ได้ราดยางเป็นหลุมบ่อ เต็มไปด้วยฝุ่นละออง รถพระที่นั่งกระแทกกระเทือนไป ตลอดทาง |
|
ในที่สุดทรงพบที่ ที่ต้องพระราชหฤทัยตรงทางแยก เข้าตัวเมืองจันทบุรี ด้วยทรงเห็นว่าเป็นสถานที่ซึ่งมี ธรรมชาติงดงาม เงียบสงบ ต้องกับพระราชอัธยาศัยของพระองค์ จึงทรงกู้เงินจากธนาคารเพื่อซื้อที่ดิน สองฝั่งคลองบ้านแก้ว รวมเนื้อที่ 687 ไร่ และพระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ ตามชื่อคลองว่า "สวนบ้านแก้ว" |
|
ในระยะแรกนั้น สวนบ้านแก้ว ยังมีสภาพเป็นป่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทำการปรับที่ดินพร้อมกับสร้าง ที่ประทับชั่วคราวทำด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงจาก และได้เสด็จพระราช ดำเนินไปประทับแรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พุทธศักราช 2493 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีไฟฟ้าและ น้ำประปาใช้ ต่อมาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างเรือนไม้หลังเล็กขึ้น 2 หลัง คือ เรือนเทาซึ่งเป็นที่ประทับของ ของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ |
|
พระตำหนักใหญ่ (พระตำหนักเทา) มีลักษณะเป็นบ้านชั้นครึ่ง ครึ่งตึกครึ่งไม้ ทาด้วยสีเทาควันบุหรี่ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงออกแบบและ ควบคุม การก่อสร้าง พระตำหนักนี้ ทรงใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และรับรองพระราชอาคันตุกะ ส่วนเรือนแดงเป็นที่พักของ ข้าหลวงผู้ติดตาม |
|
และมีเรือนอีกหลังหนึ่งสร้างแบบ บังกะโลเรียกว่า เรือนเขียว เป็นที่พักของราชเลขานุการ เรือนทั้งสามหลังนี้นับเป็นอาคารถาวร ชุดแรกของสวนบ้านแก้ว ปัจจุบัน ได้เก็บรักษาของใช้ส่วนพระองค์ และ นำมาจัดแสดงเพื่อให้ประชาชน ระลึกถึงพระราชจริยวัตร ในพระองค์ท่าน |
|
และจัดเป็น |
|