เยือนเกาะลังกาวีดินแดนต้องคำสาป (ช่วงที่ 4)

พระนางมัสสุหรี ตอนจบ

พิธี อภิเษกสมรสเกิดขึ้นท่ามกลางความชื่นชม
ของชาวเกาะลังกาวี
เพราะมีว่าที่พระมเหสีที่สวย และมีน้ำใจ
เป็นที่ที่รักของคนทั่วไป ยกเว้นพระมารดา
ที่คอยกลั่นแกล้งเสมอ เมื่อวันดารุสไม่อยู่ในวัง
ใช้ทำงานสารพัดเพื่อให้สาสมกับที่
แย่งความรักจากวันดารุสไปจากตน

จนกระทั่งพระนางมัสสุรีตั้งครรค์ และคลอดบุตรเป็นชาย วันดารุสดีใจมากที่มีรัชทายาทกับพระนางมัสสุรี พร้อมตั้งชื่อว่า “วันฮาเก็ม”
วันฮาเก็มคลอดได้เพียง 3 วัน วันดารุสก็ต้องลาไปออกศึก เพราะขณะนั้นเกิดศึกสงครามจากการขยายอำนาจของสยาม เพราะเกาะลังกาวีส่วนหนึ่งของไทรบุรีประเทศราชของสยาม วันดารุสจึงต้องจัดทัพไปออกศึกในครั้งนั้นด้วย
ก่อนไป ด้วยความความรักและห่วงใยภรรยา
วันดารุสจึงได้มอบหมายให้
องค์รักษ์คู่ใจ มีฝีมือ และเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ให้มาช่วยรับใช้ พระนางมัสสุรี ระหว่างที่ตนไม่อยู่
โดยประกาศไว้ว่า หากใครกล้าแตะต้องพระนางมัสสุรีกับุตรชาย หรือขัดขวางการทำหน้าที่ขององครักษ์พระนางฯ ผู้นั้นมี โทษประหารสถานเดียว
ไม่มีข้อยกเว้น
แล้วจึงออกเรือเดินทัพไปร่วมศึกในครั้งนั้น
ด้วยความเกลียดชังและอิจฉาริษยาของพระมารดา ทันทีที่วันดารุส ออกเรือ พระมารดาจึงประกาศสั่งให้
ข้าทาสบริวารในวังทั้งหมด หยุดทำงาน และสั่งให้พระนางมัสสุหรีทำแต่ผู้เดียว
ทั้งหมด ทาง ด้านพระนางมัสสุหรี แทนที่จะต่อต้าน เพราะเป็นถึงพระมเหสี
ด้วยความรักในสามี จึงยอมทำตามคำสั่งของพระมารดาแต่โดยดี แม้องครักษ์จะ ทัดทาน หรือขออาสาทำงานทุกอย่างแทน ด้วยใจหวังไว้ว่า สักวันความดีจะชนะใจแม่สามีได้
จนกระทั่งฝ่ายองครักษ์ทนดูไม่ได้ จึงก้มลงกราบแทบเท้าพระนาง
จะไม่ยอมลุกขึ้น หากพระนางมัสสุรีไม่ยอมให้ช่วยทำงานแทน พระนางฯจึงยินยอมในที่สุด ฝ่ายพระมารดาโกรธมาก เมื่อทราบถึงการเข้าช่วยเหลือขององครักษ์
จึงเห็นต้องกำจัดทั้งสองคน โดยได้สั่งให้บริวารไปเฝ้าดูเพื่อจับผิด และหาเรื่องใส่ร้ายพระนางมัสสุหรีให้จงได้

.....จนก ระทั่ง วันหนึ่งก็มาถึง พระนางมัสสุหรี
เอาผ้าคลุมฮิญาบหรือผ้าคลุมศีรษะ
ยื่นให้องครักษ์เช็ดหน้าเช็ดตา
ในขณะที่กำลังตรากตรำทำงานหนัก
และบริวารสายสืบของพระมารดาเห็นเข้า จึงนำเรื่องนี้ไปรายงานพระมารดาซึ่งดีใจมาก พร้อมสั่งให้ทหารไปจับคนทั้งสอง
และป่าวประกาศไปทั่วเกาะว่าพระนางมัสสุหรี
มีชู้กับองครักษ์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ
แก่ราชวงศ์มีโทษประหารด้วยกริช
ห้ามใครพูดเข้าข้างพระนางมัสสุรี มิเช่นนั้นจะประหารทันที

ส่วนองครักษ์นั้นได้ถูกสั่งประหารด้วยการขุดหลุม แล้วให้ลงไปนอน เอาก้อนหินกระหน่ำปาลงไปจนตาย พระนางมัสสุหรีถูกนำตัวมามัดไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง เพชฌฆาตนั้นเมื่อเริ่มลงมือเอากริชแทงพระนาง
หลายครั้งด้วยน้ำตา แต่กริชไม่สามารถรระคาย
ผิวพระนางได้เลย
พระนางจึงกล่าวว่า "กริชประจำตระกูลของพระนางฯเท่านั้นถึงจะฆ่าพระนางได้ และกริชนั่นก็อยู่ที่บ้านพ่อแม่ของข้าเอง" พระมารดาได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้เพชฌฆาต ไปเอากริชประจำตระกูลของพระนางมัสสุหรี ตามที่พระนางบอก ทางด้านพ่อและแม่ของพระนางมัสสุหรี เมื่อมีคนของพระมารดาไปขอกริชประจำตระกูลก็ให้แต่โดยดี ด้วยเพราะทราบดีว่า คงเป็นความประสงค์ของพระนางมัสสุหรี ที่จะกู้ศักดิศรี และแสดงความบริสุทธิ์ แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ก่อนที่เพชฌฆาตจะลงมือประหาร พระนางมัสสุหรีจึงกล่าวดัง ๆ ว่า "ฟ้าดินเป็นพยานข้านี้ถูกใส่ร้าย ข้ามิเคยคบชู้สู่ชายแต่อย่างใด หากข้าไม่ผิด ของให้โลหิตเป็นสีขาว และ
อย่าให้โลหิตข้าหลั่งลงพื้นดิน ฟ้าดินเป็นพยาน" สิ้นคำกล่าวของพระนาง เพชฌฆาตก็ลงมือปักกริช ลงตรงคอ เสียงร้องของพระนางดังไปทั่วบริเวณ เลือดสีขาวพระนางพุ่งขึ้น เหมือนร่ม โดยไม่ตกลงพื้นแม้แต่หยดเดียว
หันไปมองบุตรตัวน้อยวัยสามเดือน ที่ร้องเสียงดัง
เหมือนรับรู้ความเจ็บปวดของแม่ ก่อนสิ้นใจพระนางได้อ้อนวอนขอกอดลูก และขอให้นมบุตรเป็นครั้งสุดท้ายต่อพระมารดาแม่ผัวผู้ใจดำ แต่พระมารดาไม่ยินยอม พระนางมัสสุหรีจึงสาปแช่งว่า “หากนางเป็นผู้บริสุทธิ์ มันผู้ใดที่อยู่บนเกาะลังกาวี
จงประสบทุกข์เข็ญนานตราบ 7 ชั่วอายุคน
และบอกพ่อกับแม่ของตนให้เอากล้วยน้ำว้า
ป้อนลูกของตนแทนนม แล้วจึงสิ้นใจ
ฝ่ายวันดารุส ขณะอยู่กลางท้องทะเลก็นิมิตเห็นภาพพระนางมัสสุหรี เหมือนมาลา จึงประกาศ “หากใครทำอันตรายพระนางมัสสุหรี จะฆ่าตายให้หมด" พร้อมกับเดินทางกลับทันที
เมื่อมาถึงเกาะ สภาพเกาะเหมือนเกาะร้าง แทนที่จะมีเสียงประชาชนเข้ามาล้อม โห่ร้องต้อนรับ เหมือนวีรบุรุษเช่นทุกครั้ง แต่กลับเงียบเชียบเหมือนเมืองร้าง ผู้คนไม่รู้หายไปไหนหมด
เมื่อกลับไปที่วัง ร้องหาพระนางมัสสุรีและลูกไม่พบ ก็ใจหาย จึงไปหาที่บ้านพ่อตา
แม่ยาย เมื่อย่างก้าวเข้าบริเวณบ้าน ความรู้สึกเศร้าระงมไปทั่ว แต่ก็กลับดีใจที่ได้ยินร้องของเด็ก เมื่อขึ้นไปดู จึงเห็นแต่ลูก และทราบข่าวการตายของพระนางมัสสุรี จากพ่อตาและแม่ยาย
วันดารุสเสียใจมาก เพราะคิดไม่ถึงว่า พระมารดาจะฆ่าและทำลายพระนางมัสสุหรีคนที่ตนรัก
ได้อย่างโหดเหี้ยมได้ลงคอ

พระองค์จึงตัดสินใจสละสิทธิ์รัชทายาทราชบัลลังก์ แล้วหอบลูกและกริช กลับไปยังบ้านเกิดของพระนางมัสสุหรี คือภูเก็ต


ลงมาจาก เคเบิ้ลคาร์แล้วคร้า แย่งของเล่นเด็กจร้า
เจ้าตัวย่างสามขุมมาโน่น อิอิ


ตอนที่ 3 ชมพิพิธภัณฑ์ของ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด